ครกดินเผา 6 นิ้ว พร้อมสากไม้ สำหรับโขลกกระเทียม ตำน้ำพริก (ครกลาว)
ผลิตจากดินเหนียวคัดเกรดเนื้อละเอียดคัดกรองหินเปลือกหอยแล้วนำมาขึ้นรูปปั้นขึ้นรูปเป็เป็นเครื่องครัวสำหรับทำอาหารประเภทตำ โขลก บด โดยจะมีปากที่กว้าง และสอบลงไปถึงก้นที่ลึกและเล็กทรงกรวย เผางานด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อผลงานที่ทนทานในการใช้งาน เผากันข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว กว่างานจะเย็นพอที่จะเปิดเตาได้ ใช้เวลานานหลายวันเลยครับ
ครก เป็นของคู่ครัวและครอบครัวไทยมานานหลายร้อยปี เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่สืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ครกมิใช่เป็นเพียงอุปกรณ์การทำครัวซึ่งมีความสำคัญต่อการปรุงอาหารให้มีรสชาติแบบไทยเท่านั้น แต่ยังมีความหมายทางวัฒนธรรมที่เราควรรู้จักและเห็นคุณค่า ก่อนที่ครกจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบดแบบฝรั่งไปเสียหมด
ครกกระเบือ เป็นครกดั้งเดิมของคนไทย ทำจากดินปั้นแล้วเผา จากคำเล่าขานของคนโบราณพอจะอนุมาณได้ว่า ครกกระเบือเป็นที่นิยมใช้กันในครัวไทยมานานไม่ต่ำกว่า 800 ปี ครกกระเบือที่เก่าแก่ที่สุดเป็นครกในสมัยอยุธยา ทำด้วยดินเผาสีดำ เป็นครกปากกว้าง ขอบปากปั้นเป็นรูปกลมมนโค้งวงกลม ช่วงระหว่างปากครกถึงก้นครกจะค่อย ๆ สอบหรือเรียวเล็กลง โดยมีฐานรองอีกชั้นหนึ่ง มีลักษณะกลมมนคล้ายปากครก เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักระหว่างใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ครกกระเบือโดยทั่วไปมีทรงสูงกว่าครกหิน แต่จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก เหมาะกับอาหารที่ไม่ต้องการให้ละเอียดมาก เช่น ส้มตำ หรือน้ำพริก ครกกระเบือจะใช้คู่กับสากที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง จึงเรียกกันว่า ไม้ตีพริก แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกว่า สากกระเบือ
เดิมทีคนไทยสมัยโบราณนิยมใช้ครกที่ทำจากดินเผาเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งมีการติดต่อค้าขายกับจีน อิทธิพลจากชาวจีนได้มีส่วนทำให้ครกหินเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น โดยอาศัยฝีมือในการแกะสลักหินของชาวจีนมาดัดแปลงทำครกนั่นเอง แต่ครกหินในสมัยนั้นนิยมใช้กันเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น ชาวบ้านโดยทั่วไปยังนิยมใช้ครกที่ทำจากดินเผาอยู่เช่นเดิม เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและราคาถูกหาซื้อได้ง่าย จนกระทั่งการทำครกหินได้กลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนของไทยและมีแหล่งผลิตที่ขึ้นชื่อ เช่น อ่างศิลา ทำให้หาซื้อได้ง่ายและราคาถูกลง รวมถึงคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน จึงทำให้ครกหินเป็นที่นิยมและแพร่หลายในหมู่คนทั่วไปมากขึ้น